CMS : การจัดการรูปแบบของเว็บไซต์

CMS หรือที่เรียกอีกอย่างว่า Content Management System เป็นเครื่องมือการจัดโครงสร้างของเว็บไซต์ ตามดีไซน์ที่ผู้ใช้งานสามารถออกแบบได้เอง สำหรับการใช้งานของ CMS มีดังต่อไปนี้

1. เข้าสู่ระบบ CMS จากลิงก์ที่ผู้ใช้งานได้รับ

2. เมื่อทำการเข้าสู่ระบบเรียบร้อยแล้ว จะพบกับหน้า Dashboard คำอธิบายของแต่ล่ะเครื่องมือมีดังนี้
2.1 Pages : สำหรับไว้ออกแบบหน้าตาของ Home page หรือ Landing page ต่างๆ
2.2 Menus : สำหรับไว้กำหนด Mega Menus และ Footer ของเว็บไซต์
2.3 Banners : เครื่องมือสำหรับใส่รูปภาพของแบรนด์เนอร์ต่างๆ
2.4 Store Locator : เครื่องมือสำหรับเพิ่มที่อยู่การติดต่อของสาขาอื่นๆ

Page

เมนู Page เป็นเครื่องมือหลักที่ผู้ใช้งานสามารถนำออกแบบหน้าตาของหน้าโฮมเพจหรือหน้าเพจได้ตามต้องการ

คำอธิบายเครื่องมือสำหรับเมนู Page มีดังนี้
1.1 Edit Pages : แถบเครื่องมือสำหรับสร้างเพจใหม่หรือแก้เพจเดิมที่มีอยู่แล้ว
1.2 Manage Locations : เป็นเมนูไว้กำหนดว่า ผู้ใช้งานต้องการให้เพจแต่ล่ะเพจที่สร้างขึ้นมานั้นไปแสดงที่หน้าใดบ้าง
1.3 Name : คอลัมน์ Name คือชื่อของเพจผู้ใช้งานเป็นคนสร้างขึ้นมา
1.4 Last Updated : คอลัมน์ Last Updated คือวันและเวลาที่ผู้ใช้งานมีการแก้ไขเพจครั้งล่าสุด
1.5 Icons  : มีไว้สำหรับเข้าไปแก้ไข/แสดงตัวอย่าง/คัดลอก และลบเพจที่ผู้ใช้งานต้องการ
1.6 Icons  : สำหรับไว้สร้างเพจใหม่

 

Create New Pages

วิธีการสร้างเพจสำหรับไว้ใช้งาน ผู้ใช้งานจะต้องเข้าไปที่เมนู Page > เลือกแถบ Edit page > และคลิกเครื่องหมาย + เพื่อทำการสร้างเพจใหม่ โดยวิธีการสร้างเพจมีดังนี้

1.1 หลังจากคลิกเครื่องหมาย + แล้วจะปรากฏหน้าต่างไว้สำหรับสร้างเพจใหม่ สำหรับหัวข้อนี้มีหน้าที่ไว้ตั้งชื่อของเพจนั้นๆ
1.2 เมนูสำหรับตั้งค่าภาษาเริ่มต้นของเพจ
1.3 หากคลิกเครื่องหมาย + จะเป็นการเพิ่มฟังก์ชั่นหรือลูกเล่นต่างๆให้กลับเพจ
1.4 ปุ่มสำหรับ SAVE เพจ

 

เครื่องมือของฟังก์ชั่น/ลูกเล่นต่างๆ

สำหรับเครื่องมือ/ลูกเล่นที่จะนำมาดีไซน์นั้น หลังจากที่คลิกเข้ามาที่เครื่องหมาย + ในหัวข้อ 1.3 ของการ Create New Page นั้น
จะปรากฏแถบฟังก์ชั่น 2 แถบหลักๆดังนี้
1. Store Templates: คือเทมเพลตที่สำเร็จรูปที่ผู้ใช้งานสามารถเลือกเทมเพลตจากตรงนี้ไปใช้งานได้ทันที

  1. Elements จะแยกส่วนย่อยดังนี้

2.1 Layout : ลูกเล่นนี้ไว้สำหรับแบ่งช่องของคอลัมน์ผู้ใช้งานสามารถเลือกได้ว่าต้องการคอลัมน์แบบใดแนวตั้งหรือแนวนอน
2.2 Basic : เป็นส่วนเสริมต่างๆ ที่ผู้ใช้งานสามารถเพิ่มเข้าไปในคอลัมน์ได้ดังต่อไปนี้
– Block สำหรับทำการเพิ่มพื้นที่ข้างในคอลัมน์
– Button สำหรับสร้างปุ่มเพื่อลิงก์ไปยังหน้าที่ต้องการ
– Divider เหมาะสำหรับการเน้นข้อความสั้นๆ
2.3 Typography ในเมนูนี้มีหน้าที่ไว้สำหรับสร้างข้อความต่างๆทั้งเช่น หัวข้อ หรือบทความได้
2.4 Component เป็นส่วนประกอบที่เพิ่มมาจาก Basic โดยจะแบ่งดังนี้
– Card เหมาะสำหรับการโปรโมทสินค้าต่างๆ และยังสามารถทำการลิงก์ตัวสินค้าเพื่อสั่งซื้อได้ทันที
– Category Menus เหมาะสร้างเพื่อลิงก์ไปยังหมวดหมู่ที่ต้องการ
– Image Carousel คือการสร้างรูปสินค้าแบบสไลด์

 

Menus

Menus เป็นเครื่องมือไว้สำหรับการจัดการหมวดหมู่ต่างๆ (Mega Menus) บนเว็บไซต์หากต้องการแก้ไขข้อมูลสามารถทำได้ดังนี้
1.1  หากคลิกที่ไอคอนดินสอจะสามารถแก้ไขรูปภาพ/ลิงก์ให้กับ category ที่ต้องการ แต่ถ้าคลิกไอคอนรูปถังขยะจะเป็นการลบ category ที่ไม่ต้องการให้ขึ้นบนเว็บไซต์
1.2 หากต้องการเปลี่ยนรูปภาพสามาถเลือก Choose File เพื่อทำการเปลี่ยนรูปได้ทันที
1.3 ผู้ใช้งานสามารถกำหนดลิงก์ได้ด้วยตนเองว่า ถ้าผู้เข้าชมเว็บไซต์คลิกที่รูปภาพต้องการให้ไปยังลิงก์ใดบ้าง
1.4 เมื่อต้องการเพิ่มหมวดหมู่ใหม่ สามารถคลิกเพิ่มได้จากปุ่มนี้
1.5 เมื่อทำการตั้งค่าทุกอย่างเรียบแล้วสามารถกด SAVE เพื่อใช้งานได้ทันที

Global

Global Banner เป็นเครื่องมือที่เหมาะสำหรับสร้าง banner เพียงแค่ 1 รูปแต่สามารถลิงก์ให้แสดงภาพในทุกๆ Category เพียงแค่คลิก Choose file และเลือกรูปที่ต้องการให้เป็น banner และยังสามารถกำหนดให้รูปภาพของ banner ลิงก์ไปยังที่ที่ต้องการได้

Store Locator

Store Locator คือเมนูไว้สำหรับสร้าง/แก้ไข ที่อยู่ติดต่อในแต่สาขาที่ผู้ใช้งานมีอยู่
1.1 ผู้ใช้งานสามารถคลิกปุ่ม Active เพื่อเป็นการกำหนดว่าต้องการให้ร้านค้าสาขาที่เลือกอยู่นี้แสดงอยู่บนเว็บไซต์หรือไม่
1.2 หากต้องการเพิ่มสาขาผู้ใช้งานสามารถคลิกเครื่องหมาย + เพื่อทำการเพิ่มสาขาได้ทันที
1.3 ถ้าต้องการแก้ไขข้อมูลของร้านค้าให้คลิกไอคอนรูปดินสอ หรือถ้าหากต้องการลบร้านค้าสาขานี้ให้คลิกไอคอนรูปถังขยะเพื่อทำการลบ

 

วิธีการเพิ่มร้านค้า

หากผู้ใช้งานมีความต้องการที่จะเพิ่มข้อมูลที่อยู่ติดต่อในแต่ล่ะสาขาที่มีอยู่นั้น เมื่อคลิกที่เครื่องหมาย + ผู้ใช้งานก็จะพบกับหน้าต่างที่ให้กรอกรายละเอียดร้านค้าตามข้อมูลด้านล่าง ผู้ใช้งานเพียงแค่กรอก ชื่อสาขา, ที่อยู่ – เบอร์โทรติดต่อ และพิกัดของร้านค้า หลังจากนั้นให้กด Save เป็นการสิ้นสุดการเพิ่มร้านค้า

Tags: